คนส่วนใหญ่ที่หันมาดื่มกาแฟสดแทนกาแฟซองสำเร็จรูป และหันมาเลือกชงกาแฟเองที่บ้าน
ส่วนใหญ่จะนิยมใช้การชงที่เรียกว่า Dripper ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและใช้เวลาไม่นาน
ให้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้น หอมกรุ่นตามแบบฉบับกาแฟตามธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ
เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องลงคอร์สเรียนชงกาแฟ ก็สามารถลงมือทำได้ด้วยตัวเองจากการทำความเข้าใจ
เพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ส่วนรสชาติจะออกมาแตกต่างกันมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยของเมล็ด
กาแฟและอัตราส่วนในการชงแต่ละครั้งนั่นเอง
การชงกาแฟแบบ Syphon คือการชงที่ไม่ค่อยคุ้นหูนักสำหรับคนไทย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการ
ชงกาแฟสไตล์คลาสสิคภายในบ้าน ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ยุ่งยากเช่นกัน ซึ่งตัวอุปกรณ์ชงที่ใช้เรียกว่า
Syphon Coffee Maker เป็นการชงภายใต้แรงดันสุญญากาศ ออกแบบมาด้วยรูปทรงที่ดูคลาสสิค
เหมาะเป็นได้ทั้งเครื่องชงขนาดกะทัดรัดและของแต่งบ้านสุดชิคไปในตัวอีกด้วย
ทำความรู้จักกับ Syphon Coffee Maker
Syphon เครื่องชงกาแฟแบบสุญญากาศที่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่มันเป็นที่รู้จักของผู้คนมาตั้งแต่ใน
ปี ค.ศ.1840 ก่อนที่จะถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นรูปทรงที่สามารถใช้งานได้สะดวก
ให้รสชาติของกาแฟที่อร่อยลงตัวได้มากขึ้น โดยมีชาวญี่ปุ่นชื่อว่า อะกิร่า โคโนะ ที่พยายามประยุกต์อุปกรณ์ชิ้นนี้
ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเยี่ยมมากกว่าเดิม รสชาติของกาแฟหลังจากการชงภายใต้สุญญากาศ
กลายเป็นความอร่อยลงตัว จนได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
วิธีชงกาแฟตามแบบฉบับของ Syphon
การชงกาแฟด้วยวิธี Syphon จะเริ่มต้นจากการคัดเลือกกาแฟคั่วบดที่ต้องการ พร้อมกับเตรียมน้ำเปล่าสะอาดในอัตราส่วนเท่าๆ
กันเอาไว้ จุดตะเกียงที่อุปกรณ์ด้านล่างที่อยู่ในตำแหน่งของกระเปาะแก้ว วางทับแผ่นกรองที่ด้านบนสุดเพื่อทำหน้าที่กรองเอา
กากกาแฟให้แยกกับน้ำกาแฟที่ได้หลังจากต้มน้ำให้เดือด (อุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 95 องศาเซลเซียส จากนั้นให้วางกระเปาะ
ด้านบนในระดับที่เอียงเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยทำให้ส่วนของโซ่นำความร้อนได้ดีขึ้น หลังจากน้ำเดือดได้ที่ จะสังเกตว่าด้านล่างมีไอลอย
ขึ้นมาเกาะอยู่ตรงกระเปาะแก้ว ให้ดันกระเปาะแก้วด้านบนแนบกับกระเปาะด้านล่างให้แน่น น้ำที่เดือดจะถูกดันตัวขึ้นสู่กระเปาะด้านบนอย่างช้าๆ
เทกาแฟบดที่เตรียมเอาไว้ลงไปด้านบน คนไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 30-60 วินาที เพื่อให้กากกาแฟจมลงไปในน้ำ คนที่เข้าใจถึงหลักการคนอย่างเหมาะสม
น้ำกาแฟที่ได้จะมีการแบ่งตัวออกเป็น 3 ส่วนคือ ฟอง น้ำกาแฟ และกาก ดับไฟจากตะเกียงด้านล่าง คนกาแฟต่อไปในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งถือว่าเวลานี้เป็นหัวใจของการชงว่ากาแฟที่ออกมานั้นจะมีรสชาติเป็นแบบไหน หากคนได้พอดีจังหวะไม่เกิดเป็น Over-exteact หรือ
Under-extract จนเกินไป จะได้กาแฟที่มีรสชาติเป็นแบบ Full immersion ผสมผสานทั้งกลิ่นและรสจากตัวกาแฟคั่วบดที่สัมผัสกับน้ำเดือดโดยตรง
เมื่อคนแล้วน้ำกาแฟจะค่อยๆ ไหลลงสู่กระเปาะด้านล่าง แยกส่วนของกากทิ้งไว้ด้านบน พร้อมสำหรับการชงดื่ม
ถือว่าเป็นเครื่องชงกาแฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะพบในต่างประเทศ ในเมืองไทยเราถือว่ายังเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยคุ้นหู
นอกจากการชงแบบดริปเปอร์ การใช้งานโดยรวมมีความโดดเด่นในเรื่องการดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ปัจจัยของรสชาติที่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการคนในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะได้ body ที่เข้มหรืออ่อนเกินไป ถือว่าเป็นประสบการณ์บวกรวมกับศิลปะ
ให้เราได้ลองสนุกไปกับการชงในกลิ่นอายแบบคลาสิคที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว